วันนี้ 19 มิ.ย. 2563 เวลา 15.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนเพื่อสังคมประเทศไทย ถนนหทัยราษฏร์ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ พระนิรันดร์ จิรวทฺฒโน พระลูกวัด วัดหน้าเมือง ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จ.สุราษฏร์ธานี พร้อมด้วย พระสงฆ์อีก 4 รูป เดินทางมาพบ ดร.ชยันต์พิสิฐ สมานสวน นายกสมาคมฯ เพื่อร้องทุกข์กรณีข้อพิพาทระหร่างวัด กับนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ในระหว่างการระบาดของไวรัสโครวิค 19 ซึ่งถูกไล่ออกจากวัดทั้งหมด
พระนิรันดร์ จิรวทฺฒโน กล่าวว่า อาตมา ทำหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาสวัดหน้าเมือง และเป็นกรรมการประธานมูลนิธิกองทัพธรรม โดยเป็นคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดหน้าเมือง ซึ่งทำเอกสารคำสั่งวัดหน้าเมืองที่พิเศษ 001/2562 ลงวันที่ 1 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาอาตมาภาพได้ปฏิบัติหน้าที่ มาด้วยดีตลอดไม่มีบัญหาความขัดแย้งกับพระสงฆ์ หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการทำหน้าที่พระสงฆ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 ทาง พระครูปริยัติยา ภิรม เจ้าคณะจังหวัดสุราษฏร์ฯ ได้มีคำสั่งแต่ตั้ง พระสมุห์วิรชุ กตปุณโญ(ไพทูรย์) ให้มาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส ต่อมาในวันที่ 16 มีนาคม 2563 ได้มี สท.สำเริง ไพทูรย์ หรือ สท.ไข กับพวกสิบกว่าคนได้เข้ามาที่วัด และได้เรียกพระทั้งหมดที่อยู่ในวัดรวมถึงอาตมา ไปรวมที่ศาลา นายสำเริง ไพทูรย์ ได้กล่าวว่านี้ไม่ใช่การประชุมห้ามบันทึกภาพและไม่มีการขอมติใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการเรียกมาแจ้งพระทุกรูปออกจากวัดไปอยู่ที่อื่นให้หมดภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ซึ่งอาตมาจะขอคำชี้แจงว่าเรื่องอะไรถึงมาไล่พระออกจากวัด เขาว่าไม่ต้องถามและมีเหตุ ต่อมาในวันที่ 30 มีนาคม 2563 เวลาประมาณ 9.30 น.หลังกลับจากออกบิณฑบาตได้มีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น ได้มาแจ้งให้พระทุกรูปออกจากวัดให้ทันตามที่เคยแจ้งไว้หรือ พวกอาตมาเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย และไม่รู้จะเดินทางไปที่ใด เพราะอยู่ช่วงระหว่างการระบาดไวรัสโควิค19 และ พรบ.ฉุกเฉิน จึงได้ออกจากวัดไปขอเช่าโบสถ์คริสต์ร้างอยู่ชั่วคราว ซึ่งห่างจากวัดเดิมประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นอาตมาได้แวะไปดูที่วัดซึ่งปรากฎว่าไม่มีพระสงฆ์ สามเณร หรือ แม้กระทั่ง ผู้รักษาศีลอยู่ในวัดเลย อาตมาเกรงว่าวัดแห่งนี้เกิดมลทินมัวหมองกับพระพุทธศาสนา ที่จะต้อง ธำรงรักษาไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประกอบกับวัดแห่งนี้เป็นวัด คู่บ้านคู่เมือง ที่มีประวัติมายาวนาน หากปล่อยไว้ไม่ทำการแก้ไขก็มิอาจคาดเดาได้ว่าจะมีเหตุการณ์อย่างไร ซึ่งการปกครองวัดคนที่ใช้อำนาจควรเป็นพระสงฆ์ ที่ได้มีแนวทางการปกครองด้วยความเมตตา ไม่ใช่ใช้การร่วมมือกับฆราวาส มากระทำการดังกล่าว วันนี้อาตมาและพระรูปอื่นๆ ต้องเร่ร่อนไม่มีที่พำนักที่ถาวร ซึ่งหากจะกลับไปที่วัดก็เกรงว่าจะทำให้บุคคลอื่นๆไม่พึงพอใจ และไม่ปลอดภัย ซึ่งอาตมาไม่อาจหรือขัดขืนอำนาจของฆราวาสที่มีอิทธิพลเหนือกว่าพระวัดหน้าเมืองได้
อาตมาขอย้ำว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องทั้งฎหมายและระเบียบข้อบังคับคณะสงฆ์ จนทำให้เกรงว่าจะเป็นบ่อนการทำลายพระพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ ที่ผ่านมาได้ไปร้องเรียนกับทางเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างไร จึงได้เดินทางร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ประสานงานทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
ด้าน ดร.ชยันต์พิสิฐ สมานสวน นายกสมาคมฯ กล่าวขอรับเรื่องไว้ ซึ่งดูจากองค์ประกอบ ที่หลวงพ่อนำมาให้ดูทั้งพยานหลักฐาน ค่อนข้างชัดเจน ตนเองพร้อมทีมงานสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนเพื่อสังคมประเทศไทย จะดำเนินการตรวจสอบ เหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงถึงสาเหตุการกระทำของเจ้าอาวาสคนใหม่และ นักการเมืองท้องถิ่น เมื่อได้ข้อมูลชัดแจนแล้วทางทีมงานสมาคมฯจะเดินทางลงพื้นที่ เพื่อประสานงานยังพระผู้ใหญ่ และ หน่วยงานพุทธศาสนา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยคืนความเป็นธรรมแก่ พระลูกวัดหน้าเมืองต่อไป